สักครั้งหนึ่งหลายคนมีความคิดว่าอยากจะทำบางอย่างเพื่อชาติบ้านเกิดบ้าง แม้ว่าจะไม่ได้เงินมากมายก่ายกองอะไรก็ตาม นักฟุตบอลอาชีพเองก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน ถึงแม้การเล่นให้สโมสรจะทำให้พวกเขาได้ค่าเหนื่อยจนเอาไปซื้อของหรูหราได้ แต่การทำประโยชน์เพื่อบ้านเกิดก็เป็นสิ่งที่ล้ำค่าไม่แพ้กัน

ซาดิโอ มาเน่ ปีกคนใหม่ของ บาเยิร์น มิวนิค ก็เป็นหนึ่งในนั้น เขาทุ่มเทอย่างเต็มที่อยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นการเล่นให้สโมสรต่างๆ หรือกับทีมชาติเซเนกัล และล่าสุดเขาก็เปิดเผยว่าถึงขั้นเคยพร้อมที่จะสู้เพื่อบ้านเกิดจนแม้ว่าจะต้องเสียชีวิตก็ไม่นึกเสียดายแม้แต่นิดเดียว

ย้อนกลับไปในศึก แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ 2021 ที่เตะกันเมื่อช่วงต้นปีนี้นั้น มาเน่ เคยมีอาการกระทบกระเทือนทางสมองในรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่เจอกับ เคปเวิร์ด จากการที่เขาชนกับ โวซินญ่า ผู้รักษาประตูของ เคปเวิร์ด จนทำให้เขาต้องโดนเปลี่ยนออกจากสนามหลังจากที่เพิ่งทำประตูแรกให้กับทีมในเกมนั้นไปได้ไม่นาน

แม้ว่าสุดท้ายแล้ว เซเนกัล จะชนะไป 2-0 แต่นั่นก็เป็นชัยชนะที่สร้างความเครียดให้กับ เซเนกัล พอตัว เพราะหากต้องเสียแนวรุุกคนสำคัญที่สุดคนหนึ่งของทีมไปแล้วล่ะก็ มันก็อาจจะทำให้พวกเขาต้องจอดป้ายตั้งแต่รอบต่อไปเลยก็ได้ ซึ่งในเวลาต่อมาแพทย์ก็แนะนำว่า มาเน่ ควรจะต้องพักรักษาตัวอยู่เฉยๆ สัก 5 วัน

แน่นอนว่า ลิเวอร์พูล เองก็กลุ้มกับสถานการณ์ดังกล่าวเช่นกัน เพราะจนถึงตอนนั้นพวกเขายังมีลุ้นแชมป์ในฤดูกาล 2021-22 ครบทั้ง 4 รายการ ดังนั้น “หงส์แดง” เลยต้องการให้ มาเน่ ได้พักตามที่แพทย์แนะนำ ซึ่งพวกเขาก็จริงจังกับเรื่องนี้มากๆ จนถึงขั้นกดดันสหพันธ์ฟุตบอลเซเนกัลว่าอย่ารีบใช้งาน มาเน่ และส่งจดหมายไปหา สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ เลยทีเดียว

มาเน่ เผยว่า “ผมไม่เคยพููดเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นเลยนะ แต่ตอนที่ผมได้รับบาดเจ็บในเกมกับ เคปเวิร์ด และมีอาการกระทบกระเทือนทางสมองน่ะ ลิเวอร์พูล กดดันไปยังสหพันธ์ รวมถึงเขียนจดหมายไปหา ฟีฟ่า ด้วย เพื่อบอกว่าผมจำเป็นต้องได้พักอย่างน้อย 5 วัน”

มันคงไม่มีปัญหาอะไรถ้าไม่ใช่ว่าการต้องพัก 5 วันนั้นจะทำให้ มาเน่ ต้องอดลงเล่นเกมรอบก่อนรองชนะเลิศกับ อิเควทอเรียล กินี ซึ่งทาง มาเน่ ก็ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนั้น “ถ้าผมต้องพักตามนั้นมันก็หมายความว่าผมจะพลาดรอบก่อนรองชนะเลิศ ทีมแพทย์ของทีมชาติของเราก็ต้องทำตามกฎด้วย แต่ตอนที่พวกเขาบอกผมว่าผมต้องพักน่ะ ผมก็ติดต่อไปหาโค้ชแล้วพูดเองเลยว่า -หมอไม่อยากให้ผมลงเล่น แต่คุณต้องใส่ชื่อผมเป็น 11 ตัวจริงนะ-”

มาเน่ จริงจังกับภารกิจเพื่อบ้านเกิดมากๆ จนถึงขั้นยอมตายเลยด้วย รวมถึงรับปากกับคนใหญ่คนโตของวงการฟุตบอลเซเนกัลว่าถ้าเกิดตนต้องตายจากการลงเล่นเกมนี้ อีกฝ่ายก็ไม่ต้องรับผิดชอบแม้แต่นิดเดียว “จากนั้นผมก็ติดต่อไปหาท่านประธานของสหพันธ์แล้วบอกกับเขาว่าเราจำเป็นต้องนัดหารือกัน เพราะผมอยากเล่นเกมนี้ ผมยอมสละชีวิตของตัวเองเลยก็ได้”

“ผมบอกไปด้วยว่า -ผมรู้ดีว่าผมไม่ควรจะลงเล่นเกมนี้ แต่มาเซ็นสัญญากันเลยดีกว่า มันจะเป็นความรับผิดชอบของผมเอง ผมจะเซ็นสัญญาให้เลย- ถ้าเกิดผมตายขึ้นมา พวกเขาก็สามารถบอกได้ว่ามันเป็นความผิดของผมเอง ไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้น ตอนแรกพวกเขาบอกว่า -ซาดิโอ นายลงเล่นไม่ได้- แต่ผมก็ตอบกลับไปว่า -ไม่ๆ มันไม่จำเป็นต้องคิดถึงเรื่องนั้นกันเลย-”

หลังจากมันยังมีท่าทีว่าเขาจะไม่สมหวัง มาเน่ ก็ไปกดดันกับโค้ชเพิ่ม จนสุดท้ายเขาก็ประสบความสำเร็จ “ตอนนั้นมันเป็นเวลาสักตี 1 หรือ ตี 2 ได้ ทุกคนตื่นตระหนกกันมากๆ และผมก็พูดขึ้นมาว่า -โค้ชครับ ผมรู้ดีว่าขนาดคุณเองก็ยังกลัว เอาเป็นว่าถ้าเกิดผมตาย หรือเกิดอะไรขึ้นมาน่ะ คุณก็แค่เขียนจดหมายที่บอกว่าผมอาสาเล่นเกมนี้เองก็ได้- ทุกคนกระวนกระวายกันสุดๆ”

“ที่จริงผมไม่ได้เซ็นสัญญาอะไรแบบนั้นหรอกนะ แต่พวกเขายืนกรานว่า -ไม่ๆ มันเป็นไปไม่ได้- แต่ผมพร้อมที่จะลงเล่นมากๆ ดังนั้นแพทย์ก็เลยบอกว่า -โอเค งั้นเอาไว้เรามาตรวจกันในตอนเช้าของวันแข่งขันแล้วกัน- พอถึงเช้าของวันนั้นเราเลยทำการสแกนกัน ก่อนจะส่งผลตรวจให้กับสมาพันธ์ฟุตบอลแอฟริกา”

“จากนั้นพวกเขาก็ไปเช็กกับแพทย์ ซึ่งมันไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ดังนั้นแพทย์เลยบอกว่า -โอเค คุณลงเล่นได้- ผมว่ามันคงจะเป็นเรื่องซับซ้อนสำหรับเขาก็ได้มั้งถ้าเกิดผมทำสัญญาแบบนั้นขึ้นมา ขอบคุณพระเจ้าที่ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี”

ท้ายที่สุดแล้ว เซเนกัล ก็เอาชนะ อิเควทอเรียล กินี 3-1 โดยที่ มาเน่ ลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมนั้นด้วย ก่อนที่ทัพ “สิงโตแห่งเตรังก้า” จะเดินหน้าต่อไปจนคว้าแชมป์ แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ สมัยแรกในประวัติศาสตร์ของพวกเขามาครองได้

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ sunburststainedglass.com